บิเซนเต้ โมเรโน ที่ปรึกษาเจ้าของบ้าน นำกองทัพมาโดย ทาเคฟุสะ ลุกโบะ
ด้านกลุ่มเยี่ยมของ กีเก้ เซเตียน วางหมากมาในแผน 4-3-3 ด้วยการใช้สามผสานแนวรุกในดินแดนหน้าเป็น ลิโอเนล เมสซี, อองตวน กรีซมันน์ แล้วก็ มาร์ติน เบรธเวต
ช่วงเวลาที่ศูนย์หน้าตัวเก่งอย่าง หฝ่าส์ ซัวเรซ หายเจ็บกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองแล้ว
ออกตัวเกมได้แค่เพียงนาทีเศษแค่นั้น เป็นฝั่งของบาร์ซามาจัดแจงพังทลายประตูขึ้นนำอย่างเร็ว
จากจังหวะที่ หน้าจอร์ดี้ อัลบา
เปิดบอลทางกราบซ้ายเข้าจุดโทษให้ อาร์ตูโร วิดัล
โฉบมาโหม่งตุงตาข่าย ส่งให้กลุ่มเยี่ยมบุกนำ 1-0
แล้วหลังจากนั้นนาทีที่ 37 แชมป์เก่ามาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก
จากจังหวะที่ เมสซี โหม่งชงในจุดโทษให้ เบรธเวต แปด้วยขวาย้ำๆโดยเด็ดขาด
เป็นประตูแรกในฐานะนักฟุตบอลอาซูลกรานาของเจ้าตัวด้วย ช่วยทำให้บาร์ซาหนีห่างเป็น 2-0 ก่อนที่จะจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
ช่วงหลังตอนนาทีที่ 52 เกมจำต้องหยุดลงชั่วครั้งชั่วคราว
เพราะเหตุว่ามีชายคนหนึ่งแอบวิ่งลงสู่สนาม ในขณะที่เกมนี้ชิงชัยกันแบบสนามปิด
สร้างความงงว่าชายคนนี้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวโยงอะไรก็แล้วแต่กับการประลองเกมนี้แอบลักลอบเข้าสนามไปได้ยังไง
ถัดมานาทีที่ 79 กลุ่มเยี่ยมมาได้ประตูลำดับที่สามปิดกล่อง
จากจังหวะที่ เมสซี จ่ายทะลุช่องให้ อัลบา หลุดโดดเดี่ยวไปยิงด้วยซ้ายจ่อๆไม่เหลือ ส่งให้อาซูลกรานานำห่าง 3-0
ช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 90+3 แชมป์เก่ามาบวกลูกสี่ปิดกล่อง
จากจังหวะที่ เมสซี ลากตัดเข้าในก่อนที่จะซัดด้วยขวาในจุดโทษอย่างเฉียบคม
ทำให้ในที่สุดจบเกมเป็นบาร์เซโลนาบุกมาชนะไป 4-0 เก็บเพิ่มเป็น 61 แต้ม
นำหัวหน้าฝูงถัดไป ส่วนเรอัล มายอร์ก้าจมอยู่ในโซนตกชั้นชั้น 18 ยังมี 25 คะแนนเหมือนเดิม